วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ต้องอยู่ใต้ร่มเงากองทัพอีก 10 ปี! / โดย กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข

On September 12, 2016

คอลัมน์ : ฟังจากปาก
ผู้เขียน : กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข

สถานการณ์การเมืองขณะนี้

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ต่อไปจนกระทั่งเลือกตั้งปี 2560 แล้วจะได้กลับมาใหม่ประมาณ 10 ปี เว้นแต่เขาจะพลาดเอง คือเหยียบเปลือกกล้วยล้มเอง นอกนั้นไม่มีเงื่อนไขอื่นที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับฝีมือในการทำงาน ถ้าประชาชนพอใจ ไม่มีการลุกฮือขึ้นมา ก็จะอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆเหมือนที่อยู่มาขณะนี้

สิ่งที่ต้องดูคือประเทศจะเจอปัญหาอะไรบ้าง เพราะเท่าที่ผ่านมานั้นแก้ปัญหาไม่ถูกจุด มีจุดอ่อนและข้อบกพร่องค่อนข้างมาก แม้บางเรื่องจะใช้อำนาจเผด็จการ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เช่น นโยบายการบุกรุกที่ดินก็กลัว ออกภาษีทรัพย์สินก็ออกแบบกลัว ซึ่งรายละเอียดไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งประเทศนัก เพราะฉะนั้นประเทศไทยจะมีสภาพอย่างนี้ต่อไป อยู่ในระบบทุนนิยมผูกขาด คือคน 20% จะได้เปรียบ เพราะอยู่ในระบบอุปถัมภ์ มีพรรคพวก แต่คนระดับล่างจะจนลง แล้วก็ถูกเอาเปรียบมากขึ้น

สิ่งที่ต้องระวังคือ ของแพง คนจนไม่มีทางต่อสู้ ทำมาหากินได้น้อยลง ต้องอยู่ในภาวะจำยอม หมายความว่าลำบาก ถ้าเกิดปัญหาเขาก็จะแก้เฉพาะหน้าเป็นเรื่องๆเหมือนการแบ่งขนมปังให้กิน ถ้าจะมองว่าประเทศเจริญรุ่งเรืองก็คงค่อนข้างลำบาก

ท่าที พล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างไร

ที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาพูดว่า ต่อให้งานหนักกว่านี้ ไม่ได้เงินเดือน ผมก็จะอยู่ แต่อยู่ด้วยกลไกประชาธิปไตยให้สง่างามนั้น จะมาอย่างไรก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ต้องไปถามเขาดู แต่ความสง่าในระบอบประชาธิปไตยในสายตาประชาชนทั่วไปก็อาจคนละอย่าง ในสายของนักวิชาการก็คนละอย่าง เพราะฉะนั้นความสง่างามในระบอบประชาธิปไตยที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงไม่แน่ใจว่าหมายความว่าอะไร เข้าใจประชาธิปไตยหรือไม่ ซึ่งผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เข้าใจ

เขาใช้คำพูดนี้อาจหมายความว่าเขาได้รับชัยชนะประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา แสดงว่าประชาชนยอมรับเขาไง เขาใช้เงินเป็นหมื่นล้านบาทซื้อความชอบธรรม เราใช้คำนี้ เฉพาะการทำประชามติและใช้จ่ายต่างๆในการจูงใจให้คนเชื่อใจใน พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ไปเยอะมากในเรื่องการบริการต่างๆ แต่เป็นการเอาใจเพื่อให้ประชาชนเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้ถูกต้อง ร่างรัฐธรรมนูญนี้ดี เพื่อค้ำจุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำ เพราะฉะนั้นถ้า พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเพราะถือว่าคนยอมรับร่างรัฐธรรมนูญ เขาถือว่าได้รับความชอบธรรมจากประชาชน จะวิธีไหนก็แล้วแต่มุมมอง ซึ่งต่างประเทศเขามองคนละอย่าง พวกผมก็มองอีกอย่างหนึ่ง เขามองว่าเขาสง่างามก็เรื่องของเขา เขากล้าพูดเพราะเขาอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ทั้งๆที่ร่างรัฐธรรมนูญมีข้อบกพร่องที่เป็นจุดอ่อนระบอบประชาธิปไตยเยอะแยะไปหมด แต่ พล.อ.ประยุทธ์มองไม่เห็น เชื่อแต่ว่าเมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่าน ฉันก็ได้รับความชอบธรรมจากประชาชน

ที่สำคัญในร่างรัฐธรรมนูญเขียนรายละเอียดเพื่อตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง คำว่า “สง่างาม” ของเขาจึงอาจหมายถึงสิ่งที่ผมพูดก็ได้ แต่ที่สำคัญคือวิธีการได้มาจากการทำประชามติก็ดี หรือที่จะได้มาซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในอนาคตก็ดี ถามว่าสง่างามในระบอบประชาธิปไตยจริงหรือไม่ ก็ต้องฟังนักวิชาการ ฟังประชาชน ฟังต่างประเทศ ถ้าเป็นระบอบประชาธิปไตยแท้ๆคนก็รู้เอง ถ้าสง่างามในระบอบประชาธิปไตยจริงๆต้องมาจากการเลือกตั้ง

การที่ พล.อ.ประยุทธ์กล้าออกมาพูดและยอมรับอย่างนี้ แสดงว่าเขาพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งปี 2560 เพราะเขาเชื่อว่าเขามาตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเนื้อหาที่พวกเรามองไม่ใช่ ผมขอย้ำว่า ตามหลักการความสง่างามในระบอบประชาธิปไตยคือมาจากการเลือกตั้งสถานเดียว เช่น เป็นเบอร์ 1 ของหัวหน้าพรรค ปาร์ตี้ลิสต์ หรือลงสมัครรับเลือกตั้งเขตก็แล้วแต่ พวกที่ไปท้า พล.อ.ประยุทธ์ระวังนะ ถ้าเขาลงจริงๆ สมมุติเขาไปเสียบเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เขาเป็นเบอร์ 1 แทนนายบรรหาร ศิลปอาชา ถามว่าคนจะรับเขามั้ย ก็รับ นี่เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ผมมองว่าเส้นทางของ พล.อ.ประยุทธ์สบายมาก ราบรื่น คุมได้ทุกอย่าง แล้วคนก็อยากเห็นการเลือกตั้ง โดยเฉพาะพวกที่ลงประชามติให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่าน

ประเด็น “เปรมโมเดล”

ก็อ้างไปอย่างนั้นเอง ผมยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์มีบารมีสู้ พล.อ.เปรมไม่ได้หรอก เพราะสมัย พล.อ.เปรมกับสมัยนี้แตกต่างกัน สมัย พล.อ.เปรมไม่มีพรรคพวก ตัวคนเดียว เขาใช้อำนาจทหารกับชื่อของตัวเองและทำอะไรหลายอย่างซึ่งพวกนี้ตาม พล.อ.เปรมไม่ทันหรอก พล.อ.เปรมถือเป็นเซียน ไม่ธรรมดา ใครว่าแกลึกลับ มีทีเด็ดเยอะแยะ ผมเคยอยู่ใกล้ พล.อ.เปรมนานหลายปี ไปเล่นฟุตบอลให้ทีมฟุตบอลรักเมืองไทยตอน พล.อ.เปรมเป็นนายกรัฐมนตรีปีที่ 8 ผมใกล้ชิดพอสมควร คือเราสามารถอ่านเกมการเมืองได้หลายเรื่อง โดยเฉพาะไปต่างจังหวัด พูดคุยกับนายกฯเปรมสบายๆเลย ไม่เจ้ายศเจ้าอย่างกับพวกผม

ผมจึงมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่น่าจะเดินตามรอย พล.อ.เปรมได้ คนละเรื่องกัน ขอย้ำว่าคนละสมัย แตกต่างกันหลายอย่าง แต่เลียนแบบ พล.อ.เปรมได้

ในใจ พล.อ.เปรมนั้นคนทายไม่ถูกหรอก ผมคิดว่าคนทายใจ พล.อ.ประยุทธ์ง่ายกว่าเยอะ พล.อ.เปรมไม่เคยแสดงให้เห็นเลยว่าโกรธ ผมขอใช้คำว่า พล.อ.เปรมเป็นคนธรรมดาก็แล้วกัน เป็นผู้นำทางการเมืองที่เป็นตัวอย่างได้สำหรับเมืองไทย ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาเรื่องไหนเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้น พล.อ.เปรมอยู่ไม่ได้หรอก เพราะไม่มีเสียงสักเสียง พรรคการเมืองไปยกย่อง มีทหารยังเติร์กสนับสนุนเสร็จแล้วก็จี้แก แกก็จำไว้ แต่ก็ยังอยู่ได้ จนพวกยังเติร์กแตกกระเด็นหายหัวไปหมดเลย ไปดูหลังจากวันที่ 1 เมษายน 2524 ทำไมป๋าเปรมกลับมาได้ ผมอยากให้พวกทหารไปดูประวัติศาสตร์

ส่วนที่พูดว่าจะตามรอยได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ประเด็นดังกล่าวผมคิดว่าคล้ายกันคือ คุมนักการเมืองได้ แต่ลักษณะ พล.อ.เปรมไม่ใช่ธรรมดา อย่าไปเปรียบเทียบท่านเลย ผมบอกได้แค่นี้

จะเกิดกระแสต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์

เท่าที่ผมประเมินกระแสต่อต้านมีแน่ แต่หนักเบาขึ้นอยู่กับวิธีที่เข้าสู่ตำแหน่ง โจ๋งครึ่มไปก็ไม่เป็นประชาธิปไตย ต่างประเทศเขาจะวิพากษ์วิจารณ์เอง แต่คงทำอะไรไม่ได้ เพราะมาตามระบอบ เราก็บอกว่าประชาธิปไตยของเราเป็นแบบนี้ เป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ เพราะฉะนั้นต่างประเทศเขาอาจจะไม่แอนตี้ การคบหาสมาคมอยู่ที่เทคนิคทางการทูต อย่างจีนอยู่ที่ผลประโยชน์ หรืออเมริกาก็อยู่ที่ผลประโยชน์ ไม่มีใครหรอกที่จะเป็นมิตรแท้กับเรา ไม่ว่าเพื่อนบ้านหรือคนที่อยู่ห่างไกล อยู่ที่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์จะตกลงกันได้หรือไม่เท่านั้น

อยู่ที่ปัจจัยภายในมากกว่า เพราะเชื่อว่าจะเกิดกระแสต่อต้านแน่นอน แต่ปัญหาคือแรงพอหรือไม่ ตอนนี้เขาคุมได้หมดแล้ว แม้หลังการเลือกตั้งจะไม่มีอำนาจ คสช. อยู่ พอไปแล้วอำนาจจะอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ทหาร ตำรวจอยู่ในมือ เขาจะกลัวอะไร เขาก็ใช้ได้อยู่แล้ว เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีกฎหมายรองรับ ทำอะไรได้เยอะแยะ จึงเชื่อว่าไม่มีปัญหาทั้งภายนอกและภายใน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองขณะนั้นว่านักการเมืองที่เข้ามา ถ้ามากอบโกยผลประโยชน์เหมือนเดิม พล.อ.ประยุทธ์จะทำอย่างไร ต้องจับตาดูประเด็นตรงนี้มากกว่า ทุจริตจับไปตรงไหนก็เจอตรงนั้น อย่ามาโม้ว่าปราบทุจริตคอร์รัปชัน มีแต่โฆษณา คอร์รัปชันจะปราบได้ต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง ซื่อสัตย์ เด็ดเดี่ยว ไม่เห็นแก่หน้าใคร

ถามว่าที่ทำอยู่ขณะนี้เป็นอย่างที่ผมพูดหรือเปล่า คุณปราบคอร์รัปชันด้วยการพูดไม่มีทางหายไปหรอก ต้องปฏิบัติให้เห็นชัดเลย ผมไปทำหลายเรื่องให้รัฐบาลไม่มีใครรู้ ผมเลยรู้ว่าจริงๆแล้วเขาไม่ค่อยจริงจังในการปราบปรามคอร์รัปชัน

ทหารจะตั้งพรรคเหมือนพรรคสามัคคีธรรมในอดีตหรือไม่

ผมคิดว่าทหารได้รับบทเรียนมาหลายอย่างแล้ว การเป็นพรรคการเมืองต้องใช้เงินจำนวนมาก ทหารไม่มีประสบการณ์ ทุกครั้งที่ตั้งจึงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะโดยธรรมชาติทหารไม่เข้าใจนักการเมือง และนักการเมืองก็ไม่เข้าใจทหาร นักการเมืองเข้ามาคำนึงแต่ผลประโยชน์ ทหารอาจมีหรือไม่มีผลประโยชน์ มันก็จะขัดกัน เพราะฉะนั้นเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์เรียนรู้จากประสบการณ์ดี หากจะตั้งพรรคการเมืองก็อาจให้คนอื่นไปตั้งแล้วอยู่ภายใต้เขา เช่น กลุ่ม 40 ส.ว. คือมีคนที่อยู่ฝ่ายขวาที่อยากได้อำนาจเยอะๆเต็มไปหมด รวมทั้งนักวิชาการฝ่ายขวาก็อยู่ในแก๊งที่เห็นๆกันอยู่

ถามว่าการเมืองสมัยหน้าจะมีการตั้งพรรคเล็กพรรคน้อยเยอะหรือไม่ ก็แล้วแต่ อาจจะไม่จำเป็น พรรคการเมืองใหญ่ๆที่เขายืนอยู่และเป็นฝ่ายของ พล.อ.ประยุทธ์ก็เห็นๆกันอยู่ ยกเว้นพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว นอกนั้นใช่หมด เพียงแต่เป็นอีแอบหรือเปิดเผย มองดูตัวที่แสดงออก ที่โชว์ตัวในทีวีหรือในงานต่างๆ เห็นชัดอยู่แล้วว่าใครสนับสนุนทหาร ผมยกตัวอย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็ใช่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าพรรคจะแตกหรือไม่แตก อาจจะแยกเป็น 2 ส่วน หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคอีกต่อไป คนที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองเก่ง แต่ไม่ค่อยสู้ ยอมเผด็จการ ชอบฝ่ายขวา

ส่วนที่มีสมาชิกพรรคบางส่วนออกมาเสนอชื่อให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งปี 2560 ผมคิดว่าพูดไปอย่างนั้นเอง ชาตินี้ลำบากแล้วล่ะ เขาให้โอกาสแล้วแต่นายอภิสิทธิ์ทำไม่ได้เอง อันนี้ถือว่าผ่านมาแล้ว จะเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำคงยาก ความจริงในพรรคประชาธิปัตย์มีคนเก่งเยอะแยะ

รัฐบาลหลังการเลือกตั้งปี 2560

ขึ้นอยู่กับข้อต่อรองที่พรรคการเมืองจะยื่นให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ใหม่ๆอาจไม่กล้าเท่าไรนัก พอเลือกตั้งจริงๆแล้วพวกนักการเมืองรู้เลยว่าราษฎรหรือประชาชนคนไทยเชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์จริงแค่ไหน อย่างไร หรือเป็นแค่ภาพลวงตา พออยู่ในสภา อำนาจที่เขามีก็เริ่มแผลงฤทธิ์ได้ ขณะนี้เขาก็เตรียมไว้แล้วว่า ส.ว. 250 คน เป็นคนของเขา เป็น ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญ แม้จะ 5 ปีแรกก็ตาม ในตอนต้นพวกนักการเมืองทั้งหลายก็รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังมีอำนาจอยู่และมีกองทัพให้การสนับสนุน คงไม่กล้าผลีผลามหาประโยชน์เท่าไร

ปีแรกๆนักการเมืองเป็นเด็กดีแน่นอน แต่ต่อไปอย่าไปเชื่อใจพวกนักการเมือง ส่วนพรรคการเมืองที่มาร่วมตั้งรัฐบาล ผมฟันธงอีกครั้งว่าทุกพรรค ยกเว้นพรรคเพื่อไทย โดยชู พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกอย่างแน่นอน โดยมีเสียง ส.ว. 250 เสียง ให้การสนับสนุน เขาอาจให้พรรคการเมืองเสนอชื่อก็ได้ แต่ถ้าเอาง่ายเข้าว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็ไปสวมหัวเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองสักพรรคหนึ่ง เช่น พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 พล.อ.ประยุทธ์ก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี สง่างามด้วย เท่าที่ผมมองมีทางออกเยอะ ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรอง

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ผมฟันธงว่าเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลหน้าแน่นอน จะเป็นพรรคฝ่ายค้านโดยไปรวมกับพรรคเพื่อไทยไม่มีทาง เขาเป็นต้นเหตุการรัฐประหาร แล้วจะทิ้งขนมไปได้อย่างไร โอกาสเป็นของเขาอยู่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเล่นเป็น กปปส. เห็นชัดอยู่แล้ว ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ร่วมกับทหารอยู่แล้ว เพียงแต่หลอกชาวบ้านได้ แต่หลอกผมไม่ได้

ถามว่านายอภิสิทธิ์จะอยู่ตรงไหนในรัฐบาลชุดใหม่ก็แล้วแต่เขา อยู่ที่ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าพรรคหรือเปล่า จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หาก ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ หรือ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นหัวหน้าพรรคล่ะ คนเหล่านั้นก็มาเป็นรัฐมนตรี เพราะเขาเก่ง มันดูไพ่ออก ส่วนนายอภิสิทธิ์จะไปอยู่ตรงไหนขึ้นอยู่กับว่ายังมีคนนับถือแค่ไหน หรืออยู่เงียบๆแบบนายชวน จะรับตำแหน่งในรัฐบาลหน้าหรือไม่ก็แล้วแต่นายอภิสิทธิ์ แต่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วไม่ควรรับ ถ้ารับก็หน่อมแน้ม ทำไม่ดีก็เข้าตัวอีก นายอภิสิทธิ์ไม่น่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกแล้ว โอกาสที่นายอภิสิทธิ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคตจึงยาก จะมีการทดแทนขึ้นมาเรื่อยๆ คนเก่งก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ อำนาจก็เปลี่ยนมือไป การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจ

นายอภิสิทธิ์มีอำนาจแต่ใช้ไม่เป็นก็อย่าเป็นเลย แม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ขณะนี้ผมก็ถือว่ายังใช้อำนาจไม่เป็น ยังไม่เก่งพอ คนเรียนรัฐศาสตร์สามารถบอกได้ว่าจริงๆแล้วผู้นำทางการเมืองควรมีลักษณะใด ผู้นำทางการเมืองควรเป็นคนยังไง ทั้งทฤษฎีและการปฏิบัติเห็นได้ทั่วโลก ผู้นำทางการเมืองไทยง่ายๆเลย ถ้าคุณซื่อสัตย์ เอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง คุณคือรัฐบุรุษเลย ไม่มีใครด่าคุณ ไม่มีใครว่าคุณ ผมท้าได้ เพียงแต่ว่าขณะนี้คุณพิจารณาตัวเองหรือเปล่าว่าคุณทำอย่างที่เป็นอุดมการณ์หรือเปล่า

บทบาทพรรคเพื่อไทย

ผมคิดว่าอ่อนลง ขึ้นอยู่กับผู้นำพรรคที่จะขึ้นมา เพราะดูแล้วประชาชนจำนวนมากยังเชื่อพรรคเพื่อไทยอยู่ สังเกตจากการประชามติที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับการดำเนินการทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยจะเป็นลักษณะใด ค้านถูกต้อง ค้านเก่ง เสนอนโยบายที่ถูกต้องให้รัฐบาลหรือไม่ ถ้าเป็นฝ่ายค้านก็ต้องเสนอนโยบายที่ดีๆให้ประชาชนเห็นว่าเหนือกว่านโยบายรัฐบาลที่ทำอยู่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเก่งจริงอย่างที่ว่าหรือเปล่า

บทบาทของกองทัพในอนาคต

แน่นอนว่ารัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งปี 2560 จะอยู่ภายใต้ร่มเงาของกองทัพ คือรัฐบาลอีก 10 กว่าปียังอยู่ใต้ร่มเงากองทัพหมด พล.อ.ประยุทธ์อยู่ 2 สมัยก็อยู่ได้ ถ้าคนต้องการเขา หรือพรรคพวกเขายังให้เป็น เพราะ ส.ว. 250 คน อยู่ 5 ปี ครั้งแรกเลือกไปแล้ว สมมุติอยู่ครบวาระก็มีสิทธิเลือกนายกฯอีกครั้ง วาระนายกรัฐมนตรี 4 ปี ถ้า 3 ปียุบสภาก็เลือกใหม่ได้อีก เพราะรัฐธรรมนูญให้ ส.ว. อยู่ 5 ปี ปัญหาที่ประเทศไทยต้องระวังคือ การปฏิรูปประเทศถูกทางถูกต้องหรือเปล่า ตรงกับความต้องการของประชาชนหรือไม่ เพราะสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ทำอยู่ในขณะนี้มีหลายเรื่องไม่เข้าท่า โดยเฉพาะการกระจายอำนาจกำลังเป็นปัญหาที่พูดออกมาโดยไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ


You must be logged in to post a comment Login