วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

GL รุกใหญ่ตลาดไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์

On September 7, 2016

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคอาเซียน แถลงว่า GL Holdings (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ได้ลงนามในบันทึกช่วยจำ (MOU) เพื่อซื้อหุ้น 71.9% ของบริษัท BG Microfinance Myanmar Co., Ltd (BGMM)   ซึ่งมีใบอนุญาตถาวรในการดำเนินธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์และได้ประกอบกิจการมาแล้ว 2 ปี โดยซื้อหุ้นดังกล่าวจากบริษัท BG International Private Ltd., ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทไฟแนนซ์ชั้นนำยักษ์ใหญ่ธุรกิจไมโครแนนซ์ในประเทศศรีลังกา ชื่อบริษัท Commercial Credit โดยบริษัท Commercial Credit นี้    เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ศรีลังกา ซึ่งประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจและมีชื่อเสียงที่ดีมาก โดยบริษัทฯ ดังกล่าวยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่เหลืออีก 28.1% ใน BGMM ที่เมียนมาร์ต่อไปและได้กลายเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรกับ GL

“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พันธมิตรใหม่ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีมาตรฐานการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ซึ่งเราสามารถผสมผสานกับแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ของ GL ในการรุกขยายธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์และประเทศอื่นที่เราได้ขยายเข้าไปดำเนินธุรกิจแล้วโดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีศักยภาพการขยายตลาดได้อย่างมาก” นายมิทซึจิ กล่าว

การเทคโอเวอร์ครั้งนี้คาดว่าจะมีผลในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากที่ฝ่าย GL ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะกิจการของ BGMM (Due Diligence) โดยนายมิทซึจิคาดว่าจะสามารถเริ่มบุ๊คกำไรจากธุรกิจใหม่ในเมียนมาร์  ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้

ทั้งนี้ เมียนมาร์นับเป็นประเทศที่ 5 ในเครือข่ายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนของ GL โดย GL ได้เริ่มขยายจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย สู่ประเทศข้างเคียงคือกัมพูชา สปป.ลาว และอินโดนีเซีย โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ต้นทุนต่ำและขณะเดียวกันก็ขยายธุรกิจเช่าซื้อไปครอบคลุมสินค้าและบริการอื่นๆ อาทิ เครื่องจักรกลการเกษตร KUBOTA แผงโซล่าร์เซลล์ PANASONIC และประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯ ได้รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาที่ 255.85 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติการณ์และกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 487 ล้านบาท

โดยการเทคโอเวอร์รายล่าสุดในเมียนมาร์ครั้งนี้ จะมีนัยสำคัญต่อผลกำไรของกลุ่ม GL ในอนาคตระยะยาว ถึงแม้ว่าในขณะนี้บริษัท BGMM ยังมีขนาดเล็กอยู่ แต่ก็มีกำไรที่ดีโดยสามารถทำกำไรได้เดือนละ 20,000 เหรียญสหรัฐ และมีจำนวนลูกค้าทั้งหมด 9,800 คน โดยมียอดสินเชื่อรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรูปของเงินกู้ที่ปล่อยกู้เป็นกลุ่ม มีลูกหนี้กลุ่มละ 5 คน ซึ่งแต่ละคนจะกู้เป็นเงิน 200 เหรียญสหรัฐ เพื่อซื้อรถจักรยานยนต์มือสองหรือเครื่องใช้ส่วนตัวอย่างอื่น โดยที่ลูกหนี้ในแต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบซึ่งกันและกัน ส่วนเงินกู้มีระยะเวลาทั้งสิ้น 50 สัปดาห์ กำหนดชำระคืนทุกสัปดาห์ โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นสตรีแม่บ้านที่เป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในพื้นที่ชนบททั่วไป ซึ่งเป็นจุดแข็งของระบบการบริหารจัดการไมโครไฟแนนซ์ของกลุ่มพันธมิตรใหม่ของ GL

นายมิทซึจิ กล่าวว่า อันที่จริงแล้วบริษัท BGMM สามารถที่จะขยายยอดสินเชื่อได้อย่างมาก แต่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดในการส่งเงินออกจากประเทศศรีลังกา แต่ปัญหาดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากการเทคโอเวอร์โดย GL พร้อมอัดฉีดเม็ดเงินใหม่จำนวน 6.8 ล้านเหรียญสหรัฐในทันที เพื่อขยายสาขาจากปัจจุบันซึ่งมีอยู่ 3 สาขา (2 สาขาในกรุงย่างกุ้งและอีก 1 สาขาในเมือง BAGO) ให้ครอบคลุมอีก 12 จังหวัดในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศเมียนมาร์ โดยนายมิทซึจิคาดว่ายอดปล่อยสินเชื่อทั้งสิ้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 30-40 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปีหน้าและกำไรต่อเดือนคาดว่าจะพุ่งขึ้นถึง 10 เท่า หรือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 200,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน

การผนึกกำลังความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของ GL ซึ่งมีจุดเด่นทางด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ ผนวกกับโมเดลการปล่อยสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์เป็นรายกลุ่ม (Group Finance) ของกลุ่มบริษัท Commercial Credit จะสามารถสร้าง Synergy ที่ช่วยผลักดันการขยายธุรกิจของ GL ได้อย่างรวดเร็วในอนาคต


You must be logged in to post a comment Login